Wednesday, June 10, 2009

4. อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี

อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผลไม้จำพวกเบอรี่ต่างๆ กีวี มะขามป้อม ผักใบเขียว ถั่วฝักต่างๆ พริกหวาน

สตรอเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีอานุภาพสูงมากในการต้านอนุมูลอิสระ (ต้นเหตุแห่งความแก่) และยังอุดมไปด้วยวิตามินซี, เอ, ฟอสฟอรัส และแคลเซียม จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง, โรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคหวัด และโรคภูมิแพ้ ผลการศึกษาทางการแพทย์ยังพบว่า เมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากันกับผลไม้ชนิดอื่นๆ “สตรอเบอร์รี่” มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่า “ส้ม” ถึงหนึ่งเท่าครึ่ง, สูงกว่า “องุ่นแดง” สองเท่า, สูงกว่า “กีวี” สามเท่า, สูงกว่า “กล้วยหอม” กับ “มะเขือเทศ” เจ็ดเท่า และสูงกว่า “ลูกแพร” ถึงสิบห้าเท่า

กีวี เป็นไม้เลื้อยลักษณะคล้ายกับต้นองุ่น โดยเปลือกกีวีจะมีเป็นขนฝอย สีน้ำตาล ถึงแม้ว่ากีวีจะมีหลายหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่ที่รู้จักกันดีจะเป็นกีวีสีเขียว ส่วนกีวีทองพบได้น้อยแต่รสชาติจะหวานกว่า ซึ่งช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม จะเป็นช่วงที่มีผลกีวีออกวางขายมากที่สุด
ผลกีวีส่วนใหญ่จะนำมาใช้ตกแต่งหน้าเค้ก ค็อกเทล ชีส สลัด หรือในซีเรียล รวมทั้งคั้นเป็นน้ำ ซึ่งภายในรสชาติเปรี้ยว อมหวานของกีวีนั้นจะเต็มไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินดี เกลือแร่ เบต้าแคโรทีน ไฟเบอร์ โพแทสเซียม แมกนีเซียม ทองแดง และฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารต่างๆ เหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ
1. ป้องกันดีเอนเอถูกทำลาย นักวิจัยให้ความสนใจในเรื่องประโยชน์ของกีวีในด้านต่างๆ จากการศึกษาในกลุ่มของเด็กชาวอิตาลีวัย 6-7 ขวบ โดยให้กินกีวีเป็นประจำทุกวัน พบว่าระบบการหายใจทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งแสดงว่ากรดซิทริกในกีวี ทำหน้าที่ป้องกันดีเอนเอ จากส่วนกลางของเซลล์ร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับก๊าซออกซิจน แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกีวีประกอบไปด้วยสาร flavonoids และ carotenoids ที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ แต่นักวิจัยกลุ่มนี้ยังไม่ได้ทำการศึกษาแน่ใจว่าส่วนประกอบในกีวี จะทำหน้าที่ ต่อต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในร่างกายได้จริงหรือไม่
2. การป้องกันอนุมูลอิสระ เนื่องจากในกีวีเต็มไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นตัวละลายสารอนุมูลอิสระขั้นต้นในร่างกาย ทำให้เกิดความเป็นกลางในอนุมูล นั้น โดยอนุมูลจะเข้าไปทำลายเซลล์ร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น การติดเชื้อ โรคมะเร็ง โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหืด ไขมันอุดตันในเส้นเลือด แก้วหูอักเสบ เป็นต้น หากได้รับปริมาณวิตามินซีในจำนวนที่เพียงพอจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น โดยวิตามินเอในกีวีมีคุณสมบัติในในการละลายไขมัน ซึ่งวิตามินเอเป็นแหล่งอาหารของเบต้าแคโรทีน เมื่อเข้าไปรวมกับไขมันและน้ำในร่างกาย ทำให้สามารถละลายพิษจากอนุมูลอิสระต้นเหตุของการเกิดโรคดังที่กล่าวข้างต้นได้
3. ควบคุมน้ำตาลในเลือดและระบบขับถ่าย นักวิจัยพบว่าไฟเบอร์ในอาหารโดยเฉพาะในกีวี สามารถป้องกันระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งจะลดปัญหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหัวใจล้มเหลว โดยไฟเบอร์จะเข้าไปจับพิษให้ออกไปจากลำไส้ใหญ่พร้อมกับอุจจาระ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ อีกทั้งไฟเบอร์ยังเป็นตัวช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดในกลุ่มคนที่เป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย
4. ป้องกันจากโรคหืด อาหารที่เต็มไปด้วยวิตามินซีมีคุณสมบัติสำคัญในการป้องกันผลกระทบ จากอาการระบบหายใจผิดปกติ โดยเฉพาะโรคหอบหืดซึ่งเกี่ยวข้องกับการหายใจโดยตรง
จากรายงานการวิจัยเมื่อเดือนเมษายน 2004 ของ Thorax ในกลุ่มเด็กอายุ 6-7 ปี จำนวน 18,737 คน ซึ่งบริโภคผลไม้ ที่มีกรดซิทริกคือกีวี ประมาณ 5-7 ลูก/สัปดาห์ พบกว่าเด็กกลุ่มนี้มีอัตราการหายใจติดขัดลดลง 44% อาการไอเรื้อรังลดลง 25% และอาการน้ำมูกไหลลดลง 28% เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่กินน้อยกว่า 1-2 ลูก/สัปดาห์
5. ป้องสายตาฝ้าฟาง จากรายงานการวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมิถุนายน 2004 ของ Opthamology เป็นการศึกษาในกลุ่มผู้หญิง 77,562 คน และผู้ชาย 40,866 คน โดยให้กินกีวี 3 ลูก/วัน พบว่าอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสายตาฝ้าฟางที่มักจะเกิดในผู้สูงอายุลดน้อยลงประมาณ 36% เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่กินวันละ 1.5 ลูก แสดงว่าสารอาหารอย่างวิตาเอ วิตามินซี วิตามิเอ และแคโรทีนที่อยู่ภายในกีวีมีผลต่อระบบการทำงานของสายตา ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาการสายตา
6. ป้องกันโลหิตจาง กินกีวีวันละ 2 ลูก ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวเป็นก้อนลิ่มเลือดและลดไขมันในเลือด เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่มีเลือดจางที่ต้องใช้ยาลดไข้หรือแอสไพริน เนื่องจากในตัวยานี้สามารถทำให้เกิดอาการติดเชื้อ แผลอักเสบ และเลือดออกในระบบลำไส้ได้ โดยการศึกษาในกลุ่มคนที่กินกีวีวันละ 2-3 ลูกเป็นเวลา 28 วัน พบว่าการตอบสนองในการรวมตัวของเกล็ดเลือดลดลง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้กินกีวี แสดงว่าสารอาหารอย่างแมงกานีส โพแทสเซียม และทองแดง ในกีวีทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นปกติและป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตัน หากไม่ยากเกินไปลองหากีวีมากินวันละ 2-3 ลูกน่าจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องราคาสูงเพราะราคาของผลกีวีสดในประเทศไทยที่ยังแพงอยู่ ซึ่งยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือน้ำกีวีบรรจุกล่อง โดยให้สารอาหารใกล้เคียงกับผลสดและหาซื้อได้ง่ายตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป